บทบาทหน้าที่ของครูในห้องเรียนมอนเตสซอรี่
ในห้องเรียนมอนเตสซอรี่นั้น ครูมีหน้าที่จัดเตรียมสิ่งแวดล้อมและสื่ออุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมสำหรับเด็กอยู่เสมอ โดยพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่างๆดังนี้
ห้องเรียนควรมีลักษณะ:
- น่าอยู่
- สวยงาม แต่ไม่ควรมีสีสันฉูดฉาดหรือประดับประดาเกินไป
- เป็นระเบียบเรียบร้อย มีการแยกแต่ละมุมไว้อย่างชัดเจน
- จัดเรียงสื่อและกิจกรรมต่างๆ ตามลำดับความยากง่ายและจากซ้ายไปขวา
- จัดวางสื่อทุกชนิดไว้บนชั้นในระดับที่สายตาเด็กสามารถมองเห็นและหยิบมาใช้ได้ง่าย
- จัดวางสื่อทุกชิ้นอย่างเป็นสัดส่วน ไม่หนาแน่นเกินไป หรือดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย
- จัดห้องให้เด็กสามารถมีพื้นที่ทำงานได้ทั้งบนโต๊ะและบนพื้น
- เฟอนิเจอร์ทุกชิ้นควรเป็นของจริง มีน้ำหนักเบา และได้รับการบำรุงรักษาอยู่เสมอ
- ควรระมัดระวังให้ห้องเรียนมีความปลอดภัยอยู่เสมอ
อุปกรณ์ควรมีลักษณะ:
- มีความเหมาะสมตามวัย ทักษะ และความสนใจของเด็ก
- มีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชุมชนที่เด็กอาศัยอยู่
- มีขนาดเหมาะสำหรับเด็ก
- เป็นของจริง ไม่ควรใช้ของปลอมหรือของเด็กเล่น
- สีสันสดใส สะอาด น่าสนใจและ ดึงดูดความสนใจของเด็ก
- ครบสมบูรณ์ ไม่ชำรุดหรือขาดหาย ควรตรวจเช็คทุกวัน
- จัดวางสื่อทุกชนิดแยกไว้ในแต่ละถาดอย่างชัดเจน
- ถ้าเป็นไปได้ควรจัดให้มีระหัสสีอย่างชัดเจน
- ถ้าเป็นไปได้ควรจัดให้มีตัวควบคุมความผิดพลาดไว้ด้วยเสมอ
การแนะนำ
ทุกครั้งที่จัดเตรียมสิ่งแวดล้อม หน้าที่ของครูก็คือต้องพิจารณาและคำนึงถึงความต้องการของเด็ก ครูต้องเป็นผู้เชื่อมโยงเด็กกับสิ่งแวดล้อมโดยการเข้าใจความต้องการของเด็กและทำการแนะนำสื่อและกิจกรรมต่างๆให้กับเด็กด้วยความใส่ใจ
ทัศนคติที่ครูมีต่อสื่อจะเป็นสิ่งที่เด็กรู้สึกถึงและซึมซับได้โดยง่าย ดังนั้นครูจะต้องดูแลและใส่ใจกับสื่ออุปกรณ์ต่างๆในห้องเรียน ใช้สื่อด้วยความเคารพรวมทั้งดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมทุกอย่างในห้องเรียน ครูจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กอยู่ตลอดเวลา เพราะเด็กๆ เองนั้นก็อยากเห็นผู้ใหญ่รอบๆ ตัว ยกเก้าอี้ กล่าวขออภัย เดินอ้อมพื้นที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งทำความสะอาดสิ่งต่างๆด้วยเช่นกัน
หากครูมีความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ต่างๆ ของสื่อแต่ละชนิดอย่างลึกซึ้งแล้วละก็ ครูก็จะสามารถนำเด็กไปสู่การเลือกสื่อต่างๆได้อย่างถูกต้อง
ดร.มาเรีย มอนเตสซอรี่ กล่าวว่า “ครูต้องรู้จักเลือกสื่อที่เหมาะสมสำหรับเด็กแต่ละคน และแนะนำด้วยวิธีการที่ทำให้สามารถเข้าใจและเกิดความสนใจในสื่อนั้นๆ ได้”
ในห้องเรียนของมอนเตสซอรี่ เด็กจะได้รับการแนะนำการใช้สื่อด้วยวิธีการสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง ครูจะค่อยๆ สาธิตการใช้สื่ออย่างละเอียด และเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อให้เด็กเห็นภาพได้อย่างชัดเจน จนสามารถเรียนรู้และนำไปปฏิบัติเองได้
การสาธิตการใช้สื่อมีอยู่ 3 กรณี ดังนี้
1. การแนะนำพร้อมกันทั้งห้อง
2. การแนะนำกับเด็กเป็นกลุ่ม
3. การแนะนำกับเด็กเป็นรายบุคคล
ครูต้องใช้วิจารณญานว่าจะสาธิตสื่อ ในกรณีใด โดยพิจารณาจากความต้องการของเด็ก ความเหมาะสม วัตถุประสงค์ และธรรมชาติของสื่อแต่ละชนิด
การแนะนำพร้อมกันทั้งห้อง
เป็นการแนะนำสื่อหรือกิจกรรมใหม่ๆ หรือสำหรับเด็กที่เพิ่งเข้ามาเรียนเป็นครั้งแรก โดยครูจะสาธิตให้เด็กดูพร้อมกันทั้งห้องว่าสื่อแต่ละตัวมีวิธีการใช้อย่างไร เช่น ในช่วงกิจกรรมวงกลม เด็กจะได้รับการแนะนำเกี่ยวกับทักษะทางสังคม การกล่าวอำลา หรือควรกล่าวคำว่าขอโทษในสถานการณ์ไดบ้าง เป็นต้น
กิจกรรมการกล่าวลา
จุดประสงค์โดยตรง
เพื่อให้เด็กเข้าใจถึงกล่าวลาและวิธีกล่าวลาที่ถูกต้องตามมารยาท
จุดประสงค์ทางอ้อม
เพื่อให้เด็กมีความเชื่อมั่นและเป็นตัวของตัวเอง
หมายเหตุ
การกล่าวลานั้นมีหลากหลายวิธีตามแต่วัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของของวิธีการกล่าวลา ซึ่งจะสาธิตโดยการเคลื่อนไหวทีละขั้นตอนอย่างละเอียดและชัดเจน
การสาธิต
(โดยทำที่ละขั้นตอนอย่างละเอียด ชัดเจน)
- ขอให้เด็กออกมากลุ่มหนึ่งเพื่อร่วมแสดงพร้อกับนำเก้าอี้มาจัดเป็นวงกลม
- กล่าวว่า “ เราจะมาฝึกการกล่าวลา”
- ครูลุกขึ้น และชวนให้เด็กคนหนึ่งมายืนตรงกันข้าม
- ยื่นมือขวาออกไปด้านหน้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย ในระดับเดียวกับเด็ก
- ขอให้เด็กยื่นมือขวาออกมา
- ใช้มือขวาที่ยื่นออกไป จับมือขวาของเด็กที่ยื่นออกมา แล้วเขย่าขึ้นลงเบาๆอย่างนุ่มนวล
- พร้อม กล่าวคำลา “ลาก่อน”
- ปล่อยมือเด็ก
- บอกให้เด็กกล่าว “ลาก่อน” เช่นกัน
- ทำซ้ำเช่นเดียวกันนี้กับเด็กแต่ละคน
การแนะนำกับเด็กเป็นกลุ่ม
กิจกรรมนี้ครูเป็นคนดำเนินการกับเด็กกลุ่มเล็กๆเพื่อสาธิตกิจกรรมใดๆ เช่น การยกเก้าอี้ การยกโต๊ะ หรือการเดินบนเส้น
กิจกรรมการยกเก้าอี้
จุดประสงค์โดยตรง
เพื่อสอนให้เด็กรู้จักวิธีการยกเก้าอี้ที่ถูกต้อง
จุดประสงค์ทางอ้อม
- เพื่อให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่
- เพื่อให้เด็กได้พัฒนาการทำงานประสานสัมพันธ์ของอวัยวะต่างๆ
- เพื่อฝึกให้เด็กมีความเป็นตัวของตัวเองและเกิดความมั่นใจ
- เพื่อให้เด็กได้ฝึกสมาธิ
อุปกรณ์
เก้าอี้สำหรับเด็กแต่ละคน
การแนะนำ(โดยการเคลื่อนไหวที่ละขั้นตอนอย่างละเอียด)
- ชักชวนเด็กกลุ่มเล็กๆ ให้นำเก้าอี้มาและนั่งเป็นวงกลมใกล้ๆครู
- กล่าวว่า “ ครูจะสาธิตวิธีการยกเก้าอี้ ให้ดูครูก่อน”
- ครูยืนข้างเก้าอี้ โดยวางมือขวาจับหลังพนักพิง มือซ้ายจับขอบที่นั่งด้านหน้า
- ยกเก้าอี้ขึ้น หลังตรง มองไปข้างหน้า
- ค่อยๆ เดินยกเก้าอี้ไปด้านหน้า โดยระมัดระวังให้ขาเก้าอี้ชี้ตรงลงด้านล่าง
- หยุด ค่อยๆ วางเก้าอี้ลงเบาๆ โดยย่อเข่าลง แล้วลุกขึ้น
- นั่งลงบนเก้าอี้นั้น
- ให้เด็กคนหนึ่งลองยกเก้าอี้ด้วยวิธีการเดียวกัน
- ให้เด็กทุกๆคนในกลุ่มได้ฝึกยกเก้าอี้
การแนะนำกับเด็กเป็นรายบุคคล
กิจกรรมนี้ดำเนินการโดยครูกับเด็กเป็นรายบุคคล เช่น กิจกรรมการเท การขัดเงา การใช้ชุดอุปกรณ์กรอบไม้เครื่องแต่งกาย เป็นต้น
กรอบไม้เครื่องแต่งกาย – กระดุมใหญ่
จุดประสงค์โดยตรง
เพื่อสอนให้เด็กติดและแกะกระดุม
จุดประสงค์ทางอ้อม
- เพื่อพัฒนาการทำงานประสานสัมพันธ์ของมือและตา
- เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อเคลื่อนไหว
- เพื่อพัฒนาสมาธิ
- เพื่อพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง
- เพื่อพัฒนาความมั่นใจในตนเอง
- เพื่อฝึกความมีระเบียบวินัยในตนเอง
อุปกรณ์
กรอบไม้เครื่องแต่งกายชุดกระดุมใหญ่
การแนะนำ(โดยการเคลื่อนไหวทีละขั้นตอนอย่างละเอียด)
- ชักชวนให้เด็กตามไปที่ชั้นวางสื่อ
- แนะนำให้เด็กรู้จักชื่ออุปกรณ์ และหยิบชุดที่จะสาธิตการติดกระดุม นำไปวางที่โต๊ะ
- นั่งลงข้างๆเด็ก ทางฝั่งที่เด็กถนัด
- วางกรอบไม้ไว้บนโต๊ะ เพื่อให้เด็กเห็นการสาธิตได้อย่างชัดเจน กล่าวกับเด็กว่า “นี่คือกรอบไม้เครื่องแต่งกาย กระดุมใหญ่ ครูจะทำให้ดูก่อนเสร็จ แล้วหนูจะได้ลองทำ”
- เริ่มจากกระดุมเม็ดบนสุดก่อน โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือข้างที่ไม่ถนัดจับกระดุม
- ใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มืออีกข้างที่ถนัดกว่าจับที่ขอบผ้า ใกล้ๆกับกระดุมเม็ดนั้น แล้วค่อยๆดันกระดุมให้เอียงผ่านรังดุมช้าๆ
- ปล่อยมือจากกระดุมเมื่อดันผ่านรังดุมแล้ว
- ปล่อยมือจากขอบผ้า
- ทำขั้นตอนเช่นเดียวกันกับกระดุมเม็ดอื่นๆ ที่เหลือตามลำดับ
- ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือข้างที่ไม่ถนัดจับที่ขอบบนของผ้าฝั่งรังดุม ยกขึ้นและเปิดออกด้วยวิธีเดียวกันกับการเปิดหนังสือ
- ใช้มืออีกข้างจับขอบผ้าฝั่งกระดุมแล้วเปิดออกด้วยวิธีการเดียวกัน
- ตอนนี้แถบผ้าทั้งสองด้านเปิดอยู่และกระดุมก็แกะออกจากกัน ครูกล่าวกับเด็กว่า “ต่อไปครูจะติดกระดุมเข้าด้วยกันอีกครั้ง ดูครูนะ”
- ครูหยิบแถบผ้าทั้งสองด้านทบเข้าด้วยกันเช่นเดิม โดยพับฝั่งกระดุมเข้ามาก่อนแล้วตามด้วยฝั่งรังดุม โดยใช้เพียงนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือจับที่ขอบผ้าเช่นกัน
- เริ่มติดจากกระดุมเม็ดบนสุดก่อน โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือข้างที่ถนัดจับผ้าฝั่งรังดุมใกล้ๆรังดุมรูบนสุดแล้วยกขึ้นนิดหนึ่ง เพื่อให้เห็นเม็ดกระดุมที่อยู่ด้านล่าง
- ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้อีกข้างที่เหลือจับกระดุมแล้วค่อยๆเอียงสอดเข้ารังดุม
- เมื่อสอดกระดุมเข้าไปได้ครึ่งทาง ให้ปล่อยนิ้วที่จับผ้าแล้วมาจับกระดุมครึ่งที่โผล่ขึ้นมา แล้วปล่อยมือที่จับกระดุมอยู่ด้านล่าง มาจับขอบรังดุมแทน แล้วค่อยๆดึงเม็ดกระดุมขึ้นมาให้หมด โดยขณะที่ดึงขึ้นมานั้นให้เอียงกระดุม แลดึงผ้าขอบรังดุมให้พ้นกระดุม
- เมื่อกระดุมผ่านรังดุมมาทั้งเม็ดแล้ว ให้ปล่อยมือทั้งสองข้าง แบมือสักครู่ จากนั้นกดลงไปบนผ้าเพื่อให้แบน
- ทำเช่นเดียวกันกับกระดุมเม็ดอื่นๆ ที่เหลือตามลำดับ
- เมื่อติดกระดุมครบทุกเม็ดแล้ว ให้วางมือไว้บนตักแล้วมองดูผลงานสักครู่
- ถามว่าเด็กอยากลองทำกิจกรรมนี้หรือไม่ ชักชวนให้เด็กลองทำกิจกรรม
- เมื่อเด็กทำเสร็จแล้ว ให้เด็กนำอุปกรณ์ไปเก็บไว้ที่เดิม
ข้อแนะนำในการสาธิต
- แนะนำเด็กโดยใช้วงจรกิจกรรม
- สาธิตให้เด็กดูแต่ละขั้นตอนอย่างช้าๆ เพื่อให้เด็กเห็นทุกขั้นตอนของการเคลื่อนไหวอย่างละเอียด
- ขณะสาธิตไม่ควรอธิบายหรือกล่าวคำใดๆ ควรสาธิตอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้เด็กเกิดความสับสน และหากต้องการให้เด็กรู้จักคำศัพท์ก็ให้สาธิตอีกครั้ง พร้อมกล่าวคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เด็กที่มีภาษาถิ่นแตกต่างกัน ได้รู้จักคำศัพท์ที่เป็นภาษากลาง
- ถ้าเป็นไปได้ให้แยกทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
- พยายามดึงความสนใจของเด็กสู่จุดสำคัญของกิจกรรม
- ถ้าเป็นไปได้ควรจัดให้มีตัวควบคุมความผิดพลาดด้วยเสมอ
- แนะนำกิจกรรมจากง่ายไปสู่ยากตามลำดับ เพื่อให้เด็กได้เริ่มจากสิ่งที่รู้ไปสู่สิ่งที่ไม่รู้
- พยายามดึงความสนใจของเด็กอยู่ตลอดเวลา
- ไม่ควรแก้ไขข้อผิดพลาดใดๆให้เด็กขณะที่เด็กกำลังทำกิจกรรม หากเด็กยังทำไม่ได้ ก็ให้เก็บก่อน แล้วหาโอกาสทำกับเด็กอีกครั้งคราวต่อไปเมื่อเด็กพร้อมแล้ว
- พยายามชักชวนให้เด็กลองทำกิจกรรมตามที่ได้รับการสาธิต และบอกให้เด็กนำอุปกรณ์นั้นมาทำอีกเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ
- เมื่อเด็กทำกิจกรรมใดๆได้จนชำนาญแล้ว พยายามให้โอกาสเด็กได้ลองใช้ทักษะเหล่านั้น เช่น รินน้ำผลไม้ในช่วงพักทานของว่าง
วิธีการออกแบบกิจกรรม
- คำนึงถึงความต้องการของเด็ก
- ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ขนาดพอดีสำหรับเด็ก ไม่สูงหรือใหญ่จนเกินไป
- เลือกอุปกรณ์ที่น่าสนใจและดึงดูดความสนใจของเด็กได้
- ออกแบบกิจกรรมโดยจัดให้มีการเคลื่อนไหวจากซ้ายไปขวา
- จัดให้มีตัวควบคุมความผิดพลาด
- มีการสาธิตทุกขั้นตอนการเคลื่อนไหวอย่างละเอียด ชัดเจน
- ฝึกวิธีการใช้จนชำนาญ
- ออกแบบให้มีจุดสำคัญของกิจกรรม เพื่อให้เด็กสังเกต
- คำนึงถึง ขั้นต่อไปหรือขั้นที่ยากขึ้น สำหรับเด็กโต
- คำนึงถึงความต่อเนื่อง หรือการเชื่อมโยงของกิจกรรมนั้นๆกับ สื่ออื่นๆในห้องเรียน เช่น อาจเกี่ยวกับ วัฒนธรรม หรือวิทยาศาสตร์